บางมูลนาก เป็นอำเภอหนึ่งทางตอนใต้ของจังหวัดพิจิตร และเป็น 1 ใน 3 อำเภอของจังหวัดที่มีทางรถไฟสายเหนือพาดผ่าน ปัจจุบันที่ว่าการอำเภอบางมูลนากตั้งอยู่บริเวณภูมิบาลในเขตเทศบาลเมืองบางมูลนาก ห่างจากตัวจังหวัดไปทางทิศใต้ประมาณ 52 กิโลเมตร มีพื้นที่ปกครองทั้งหมด 354.94 ตารางกิโลเมตร สำหรับชื่อ "บางมูลนาก" เดิมเรียกว่า "บางขี้นาก" เพราะเดิมที่คลองบุษบง (เหนือตลาดบางมูลนาก) มีนากชุกชุมและได้ถ่ายมูลไว้เกลื่อนกลาดทั่งบริเวณนั้น จึงเรียกว่า "บางขี้นาก" ต่อมาจึงเปลี่ยนมาเป็น "บางมูลนาก"

คำขวัญ: ปลายอขึ้นชื่อ เลื่องลือมะม่วงแผ่น ดินแดนหลวงพ่อหิน ถิ่นข้าวขาวกอเดียว
ย่านการค้าตลาดบางมูลนาก
ท้องที่อำเภอบางมูลนากมีตลาดเป็นที่ประชุมชน มีบ้านเรือนราษฎรตั้งอยู่เป็นปึกแผ่น มีการคมนาคมและการค้าขายเจริญมาก ยังขาดการบำรุงรักษา ทางราชการจึงได้จัดตั้ง "สุขาภิบาลท้องที่บางมูลนาก"[1] ขึ้น เพื่อบำรุงความสุขและความสะดวกของประชาชนให้ยิ่งขึ้น นับว่าเป็นสุขาภิบาลท้องที่เพียงแห่งเดียวของจังหวัด ก่อนที่จะยกขึ้นเป็น "เทศบาลเมืองบางมูลนาก"[2] ในปี 2478 และนับว่าเป็นเทศบาลเมืองแห่งแรกของจังหวัดพิจิตร ซึ่งนับได้ว่าอำเภอบางมูลนาก เป็นอำเภอที่มีความเจริญมากมาตั้งแต่ในอดีต
อำเภอบางมูลนาก ในอดีตเคยเป็นเมืองภูมิมาก่อน โดยมีที่ตั้งอยู่ที่บ้านหนองเต่า ตำบลภูมิ จากคำบอกเล่า ได้ความว่า เมืองภูมินี้มีพระธรรมยาเป็นเจ้าเมืองแต่ไม่ปรากฏว่าเป็นเจ้าเมืองมาตั้งแต่สมัยใด ปัจจุบันมีผู้สร้างศาลพระธรรมยาขึ้นที่วัดหนองเต่า ตำบลภูมิ ชาวบ้านนับถือกันมาก หลักฐานเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเมืองภูมิก็คือ ใบบอกเมืองพิจิตร พ.ศ. 2432 ในสมัยรัชกาลที่ 5 และราชกิจจานุเบกษา เล่ม 10 แผ่นที่ 12 วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2436 ได้ความต้องตรงกันว่าเมืองภูมิเป็นเมืองขึ้นของเมืองพิจิตรและผู้ว่าราชการเมืองชื่อพระณรงค์เรืองนาช
ใน พ.ศ. 2446 เมืองพิจิตรแบ่งเป็น 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอบางคลาน และอำเภอเมืองภูมิ สันนิษฐานว่าที่ว่าการอำเภอเมืองภูมินี้ตั้งอยู่ที่บ้านหนองเต่า ตำบลภูมิ ต่อมา พ.ศ. 2450 ได้ย้ายที่ว่าการอำเภอไปตั้งใหม่ที่ริมแม่น้ำน่านด้านตะวันตกเหนือวัดบางมูลนาก แต่ยังคงใช้ชื่ออำเภอภูมิอย่างเดิม จนกระทั่งวันที่ 29 เมษายน 2460 กระทรวงมหาดไทยจึงได้มีประกาศใช้ชื่ออำเภอที่เปลี่ยนใหม่ให้ตรงกับชื่อตำบลที่ตั้งว่าการอำเภอ ซึ่งที่ว่าอำเภอเมืองภูมิตั้งอยู่ที่ตำบลบางมูลนาก จึงเปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอบางมูลนาก และมาตั้งถิ่นฐานใหม่ ณ ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน่านกระทั่งปัจจุบัน
Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้